************************************************************************
ด้วยพื้นที่แถวบ้านไร่นทีริมฝั่งขวาแม่น้ำแม่กลอง เริ่มไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูก ชาวไท-ยวน บางส่วนจึงพากันอพยพเคลื่อนย้ายไปตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนใหม่ เช่นที่ ตำบลดอนตะโก และตำบลคูบัว โดยมีผู้นำอพยพสองพี่น้องชื่อว่า "หนานฟ้า" และ "หนานขัน"
บ้านปู่ฟ้า-บ้านปู่ขัน
หนานฟ้าผู้พี่เห็นว่าที่ลุ่มริมห้วย (คูเมืองโบราณสมัยทวารวดี) เต็มไปด้วยดอกบัวเหมาะที่จะเป็นทำเลตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนใหม่ จึงตั้งบ้านเรือนอยู่ฝั่งเหนือของลำห้วยแห่งนี้ ซึ่งมีการเล่าสืบต่อกันมาว่า หมู่บ้านแห่งนี้เรียกชื่อว่า "บ้านปู่ฟ้า" ส่วนหนานขันผู้น้อง พาครอบครัวส่วนหนึ่งข้ามไปยังทิศใต้ของลำห้วย ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่นั่น และเรียกหมู่บ้านแห่งนี้ว่า "บ้านปู่ขัน"
ต่อมาเมื่อชาวไท-ยวนมีลูกหลานมากขึ้นจึงขยายครัวเรือนไปตั้งถิ่นฐานใหม่อีก บริเวณหมู่บ้านวัดแคทราย และหนามพุงดอ ซึ่งชาวไท-ยวน เรียกผู้คนที่อาศัยอยู่ที่วัดแคทรายว่า "บ้านใน" และผู้คนที่อาศัยอยู่หนามพุงดอว่า "บ้านนอก"
- ชาวไท-ยวน ที่บ้านปู่ขันและบ้านปู่ฟ้าสร้างวัดของหมู่บ้านชื่อว่า "วัดใน" ซึ่งปัจจุบันคือ วัดคูบัว
- ชาวไท-ยวน ที่บ้านแคทราย สร้างวัดของหมู่บ้านชื่อว่า "วัดน้อย" ซึ่งปัจจุบันคือ วัดแคทราย
- ชาวไท-ยวนที่หนามพุงดอ สร้างวัดของหมู่บ้านชื่อว่า "วัดนอก" ซึ่งปัจจุบันคือ วัดหนามพุงดอ
ประชากรชาวไท-ยวน ในราชบุรี เมื่อปี พ.ศ.2537
ประชากรชาวไท-ยวนในจังหวัดราชบุรี เมื่อปี พ.ศ.2537 มีประมาณ 62,568 คน จากประชากรของจังหวัดราชบุรีทั้งหมดในขณะนั้น 790,143 คน คิดเป็นประชากรชาวไท-ยวน ร้อยละ 7.91 และสามารถแยกเป็นรายอำเภอได้ ดังนี้
- อ.เมืองราชบุรี จำนวน 33,227 คน คิดเป็นร้อยละ 4.2 ของจังหวัด และร้อยละ 24.48 ของ อ.เมือง
- อ.บ้านโป่ง จำนวน 6,026 คน คิดเป็นร้อยละ 0.76 ของจังหวัด และร้อยละ 4.55 ของ อ.บ้านโป่ง
- อ.โพธาราม จำนวน 6,000 คน คิดเป็นร้อยละ 0.75 ของจังหวัด และร้อยละ 3.60 ของ อ.โพธาราม
- อ.จอมบึง จำนวน 5,170 คน ร้อยละ 0.65 ของจังหวัด และร้อยละ 9.09 ของ อ.จอมบึง
- อ.บางแพ จำนวน 292 คน คิดเป็นร้อยละ 0.03 ของจังหวัด และร้อยละ 0.67 ของ อ.บางแพ
- อ.ปากท่อ จำนวน 8,183 คน คิดเป็นร้อยละ 1.03 ของจังหวัด และร้อยละ 16.93 ของ อ.ปากท่อ
- อ.สวนผึ้ง จำนวน 3,670 คน คิดร้อยละ 0.46 ของจังหวัด และร้อยละ 7.59 ของ อ.สวนผึ้ง
สายเลือดไท-ยวน เริ่มจางลง
ในงานวิจัยของอาจารย์อุดม สมพร เรื่องผ้าจกไท-ยวนราชบุรี เมื่อปี พ.ศ.2538 ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่ง ถึงชาวไท-ยวนจังหวัดราชบุรีในปัจจุบันว่า
![]() |
ลักษณะดั้งเดิมของผ้าตีนจกไท-ยวนจากหมู่บ้านคูบัว จ.ราชบุรี สีที่โดดเด่นจะเป็นโทนสีแดงเข้ม สลับด้วยสีของเส้นไหมแนวนอน เช่น สีขาว, เหลือง,ส้ม และดำ ทำให้เป็นผ้าลายตีนจกที่สวยงาม ที่มาของภาพ ผ้าไหมพุมเรียง http://th-th.facebook.com/ note.php?note_id=161135313947063 |
"ในระยะเแรกการตั้งถิ่นฐานในจังหวัดราชบุรี ชาวไท-ยวน ก็ยังคงรักษาวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรมของชาวไทยล้านนา ไว้อย่างเคร่งครัด ต่อมาได้ผสมกลมกลืนกับประเพณีวัฒนธรรมของชุมชนภาคกลาง ซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิมของราชบุรี ความเคร่งครัดในวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมลดน้อยลง ชีวิตเริ่มปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพแวดล้อม เพื่อการมีชีวิตรอด ฉะนั้นศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิต เช่น การเกิด การกิน การตาย ความเชื่อ ความศรัทธา เริ่มเลือนหายไป
ในขณะเดียวกันก็ยอมรับความแปลกใหม่ ความเป็นอารยะธรรมจากวัฒนธรรมอื่นเข้ามาแทนที่ สายเลือดไท-ยวน ล้านนาที่อยู่ในตัวลูกหลานไท-ยวนเริ่มจางลง แม้เวลาผ่านมาเพียง 191 ปีเท่านั้น ปัจจุบันเกือบไม่มีเอกลักษณ์อันใดที่จะแสดงถึงความเป็นไท-ยวน(ล้านนา) ในอดีตให้เห็น นอกจาก ภาษาพูดและศิลปะการทอผ้าจกซึ่งเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมการแต่งกายของผู้หญิงไท-ยวน ซึ่งยังหลงเหลืออยู่บ้างในท้องที่ เช่น ตำบลคูบัว ตำบลดอนแร่ ตำบลห้วยไผ่ ในอำเภอเมือง และตำบลรางบัว ในอำเภอจอมบึง"
**************************************
ที่มาข้อมูล
**************************************
ที่มาข้อมูล
- อุดม สมพร . (2547). ไท-ยวน. 8 ชาติพันธุ์ในราชบุรี. สำนักวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรีและสภาวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรี : ธรรมรักษ์การพิมพ์.
- อุดม สมพร. (2538). งานวิจัย : ผ้าจกไท-ยวนราชบุรี : การศึกษาเชิงวิเคราะห์. กระทรวงศึกษาธิการ : กรมอาชีวศึกษา.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น