เรื่องราวของชาวไท-ยวน ในราชบุรีนี้ ผู้จัดทำได้ค้นคว้ามาจากงานวิจัยเรื่อง "ผ้าจกไท-ยวนราชบุรี : การศึกษาเชิงวิเคราะห์ " ของ อาจารย์อุดม สมพร นักอนุรักษ์มรดกไทยดีเด่น ปีพุทธศักราช 2536 ซึ่งท่านทำการวิจัยแล้วเสร็จเมื่อ 5 ธันวาคม พ.ศ.2538 นอกจากนั้นยังค้นหาเพิ่มเติมจากหนังสือ และเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถืออีกหลายแห่ง ดังข้อมูลอ้างอิงปรากฏไว้ในท้ายบทความนี้
ที่มาของภาพ http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=4127.0 |
ยวน แห่งเมืองเชียงแสน
คำว่า “ยวน" หมายถึง ชื่อเผ่าของคนไทในล้านนา เรียก "ไทยวน" ซึ่งแผลงเป็น "โยน" และ "โยนก" ได้ ซึ่งนามโยนกนี้เป็นนามแห่งนครในตำนาน ชื่อ "เมืองโยนกนาคพันธุ์สิงหนวัติ"
ปี พ.ศ.2345 พระเจ้าปดุงกษัตริย์พม่าโปรดให้ ฮินแซะหวุ่น เป็นแม่ทัพยกมาตีเมืองเชียงใหม่ ซึ่งขณะนั้นมีพระยากาวิละ เป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่ ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ทรงทราบข่าวศึก จึงโปรดให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เป็นแม่ทัพยอกกองทัพขึ้นไปช่วยเมืองเชียงใหม่ โดยมีเจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์และพระยายมราช คุมกองทัพของวังหลวง และมีกรมขุนสุนทรภูเบศร์ พระองค์เจ้าลำดวน และพระองค์เจ้าอินทปัต คุมกองทัพของวังหน้า
กองทัพของวังหน้าเข้าตีค่ายพม่าที่ยึดเมืองเชียงใหม่อยู่ได้สำเร็จ กองทัพพม่าแตกพ่ายหนีไปซ่องสุมกำลังอยู่ในเมืองเชียงแสน ส่วนกองทัพของวังหลวง ซึ่งมีเจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์และพระยายมราช คุมอยู่ ทำการรบไม่เข้มแข็ง กระพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท จึงลงโทษให้นำทัพขึ้นไปปราบกองทัพพม่าที่ เมืองเชียงแสน และให้ขับไล่ออกจากเขตล้านนาไทยให้จงได้ เหตุที่ต้องขับไล่ให้ได้ เพราะสมัยนั้น พม่าใช้เชียงแสนเป็นฐานหลักในการควบคุมเมืองต่าง ๆ ในล้านนา ตลอดถึงรัฐของชาวไทยใหญ่ในบริเวณนั้น
ห้ากองทัพล้อมเมืองเชียงแสน
พ.ศ.2546 กองทัพของวังหลวง ของเจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์และพระยายมราช เข้าล้อมเมืองเชียงแสน และขณะเดียวกันก็มีกองทัพจากเมืองลำปาง เมืองน่าน เมืองเชียงใหม่ และเมืองเวียงจันทร์ ยกกองทัพขึ้นไปสมทบ เพื่อจะตีเมืองเชียงแสนคืนจากการยึดครองของกองทัพพม่าให้ได้ รวมจำนวนกองทัพที่ล้อมเมืองเชียงแสนนี้มีถึงห้ากองทัพ
เดือนห้า ปีชวด พ.ศ.2437
ชาวเมืองเชียงแสนขาดแคลนเสบียงอาหาร ผู้คนอดอยาก ต้องฆ่าช้างม้า วัว ควาย กินเป็นอาหารจนเกือบจะหมดสิ้น ชาวเชียงแสนก่อการกบฎกองทัพพม่า พากันเปิดประตูเมือง ให้กองทัพแห่งสยามประเทศทั้งห้าทัพ เข้ายึดเมืองฆ่าฟันพม่า จนแตกพ่ายหนีออกไปจากเมืองเชียงแสนจนหมดสิ้น นาขวา แม่ทัพพม่าที่ถูกแต่งตั้งให้นั่งปกครองเมืองเชียงแสน ต่างก็พาครอบครัวหนี
ชาวเมืองเชียงแสนขาดแคลนเสบียงอาหาร ผู้คนอดอยาก ต้องฆ่าช้างม้า วัว ควาย กินเป็นอาหารจนเกือบจะหมดสิ้น ชาวเชียงแสนก่อการกบฎกองทัพพม่า พากันเปิดประตูเมือง ให้กองทัพแห่งสยามประเทศทั้งห้าทัพ เข้ายึดเมืองฆ่าฟันพม่า จนแตกพ่ายหนีออกไปจากเมืองเชียงแสนจนหมดสิ้น นาขวา แม่ทัพพม่าที่ถูกแต่งตั้งให้นั่งปกครองเมืองเชียงแสน ต่างก็พาครอบครัวหนี
กองทัพแห่งสยามประเทศได้รื้อกำแพงเมือง เผาบ้านเผาเรือนจนวอดวาย เพื่อไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยและซ่องสุมกำลังของพวกพม่าอีกต่อไป หลังจากนั้นได้อพยพชาวเมืองเชียงแสนไปตั้งหลักแหล่งหาที่อยู่อาศัยใหม่ต่อไป
นิราศร้างห่างมาตุภูมิ
กองทัพแห่งสยามประเทศได้รวมรวบชาวเชียงแสนได้ประมาณ 23,000 คนเศษ จัดการแบ่งครัวเรือนเหล่านี้ออกเป็นห้าส่วน เดินทางอพยพไปตั้งหลักแหล่งใหม่ยังเมืองของกองทัพทั้งห้า ดังนี้
- กองทัพเมืองเชียงใหม่ -ตั้งหลักแหล่งใหม่บริเวณ บ้านฮ่อม บ้านเมืองสารท บ้านเจียงแสน
- กองทัพเมืองน่าน - ตั้งหลักแหล่งใหม่บริเวณ อ.เวียงสา
- กองทัพเมืองลำปาง - ตั้งหลักแหล่งบริเวณวัดปงสนุก วัดเชียงราย
- กองทัพเมืองเวียงจันทร์ - ตั้งหลักแหล่งที่เมืองเวียงจันทร์
- กองทัพของวังหลวง - ตั้งหลักแหล่งที่ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี และ เมืองราชบุรี
ชาวไท-โยนก จากเมืองเชียงแสนในแต่ละส่วน เดินทางอพยพครอบครัวไปตั้งหลักแหล่งอยู่ตามเมืองต่างๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น ส่วนชาวไท-โยนก จากเมืองเชียงแสนที่มากับกองทัพของวังหลวงนั้น บางส่วนขอตั้งหลักแหล่งที่ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี และส่วนที่เหลือ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ไปตั้งหลักแหล่งถิ่นฐาน ณ เมืองราชบุรี
*******************************************
อ่านต่อ : 8 ชาติพันธุ์ในราชบุรี : ไท-ยวน ตอนที่ 2 ชีวิตที่เมืองราชบุรี
ที่มาข้อมูล
- ศศิศ.(2550)."ยวน" ผู้นิราศร้างห่างมาตุภูมิ.[Online]. Available :http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=4127.0. [2554 สิงหาคม 24 ].
- อุดม สมพร . (2547). ไท-ยวน. 8 ชาติพันธุ์ในราชบุรี. สำนักวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรีและสภาวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรี : ธรรมรักษ์การพิมพ์.
- อุดม สมพร. (2538). งานวิจัย : ผ้าจกไท-ยวนราชบุรี : การศึกษาเชิงวิเคราะห์. กระทรวงศึกษาธิการ : กรมอาชีวศึกษา.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น